วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

ตะไคร้*ไม่ใช่เล่น

กิน*กำลังดี: ตะไคร้*ไม่ใช่เล่น: ตะไคร้ นับเป็นพืชผักสมุนไพรที่เราใช้ประกอบอาหารหลากหลายเมนู แต่เชื่อว่าหลายคนแอบเขี่ยตะไคร้ทิ้งด้วยความไม่ค่อยจะอร่อยของมัน โดยหารู้ไม่ว่า เ...

ตะไคร้*ไม่ใช่เล่น

ตะไคร้ นับเป็นพืชผักสมุนไพรที่เราใช้ประกอบอาหารหลากหลายเมนู แต่เชื่อว่าหลายคนแอบเขี่ยตะไคร้ทิ้งด้วยความไม่ค่อยจะอร่อยของมัน โดยหารู้ไม่ว่า เจ้าตะไคร้เนี่ยมีประโยชน์มากมายไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะจะบอกให้



  • ตะไคร้อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี และแร่ธาตุมากมายซึ่งได้แก่โฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส เยอะจริงเยอะจังเลยเห็นมั้ย

  • ตะไคร้มีคุณสมบัติในการล้างสารพิษในร่างกายด้วยการทำให้คุณปัสสาวะบ่อยขึ้น เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร อย่างเช่น ตับ ตับอ่อน ไต และกระเพาะปัสสาวะ ขับสารพิษและกรดยูริคออกจากร่างกาย ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

  • ตะไคร้ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เพราะมีสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งพบว่าการดื่มชาตะไคร้จะช่วยในการย่อย ลดอาการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในลำไส้ และท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันและลดแก๊สในลำไส้ได้อีกด้วย

  • ตะไคร้สามารถช่วยซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้ง่าย ๆ ด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่น ๆ ซึ่งมันจะทำให้กล้ามเนื้อของคุณผ่อนคลายมากและลดอาการตะคริวได้

  • ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย 

  • ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นมันจึงสามารถช่วยบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณเปล่งประกายความมีสุขภาพดีออกมา แถมยังช่วยทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ และช่วยลดสิวต่าง ๆ ได้อีกด้วย


          เห็นมั้ยว่า ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากมายไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะเนี่ย   เพราะฉนั้นเมนูหน้าถ้ามีส่วนผสมของตะไคร้ หวังว่าคงจะไม่มีใครเขี่ยมันทิ้งนะครับ 


แหล่งอ้างอิง
  •  allwomenstalk.com
  • วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
  • https://pixabay.com
ฝากติดตามแนะนำติชมได้ที่
  • FB : https://goo.gl/6Tsk9s
  • IG   : kinkumlangdee    
  • Line : @kinkumlangdee (พิมพ์ @ ด้วยนะครับ)

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

กินแก้หวัด : Eat to Colds Remedies


ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวัน อากาศแปรปรวนเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เหมาะกับการไม่สบายเสียจริง ๆ
สำหรับโรคยอดฮิตที่มาพร้อมกับหน้าฝน และอากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้คงหนีไม่พ้น "โรคหวัด" 
นั่นแน่ !! มีใครเป็นหวัดอยู่หรือเปล่า ถ้ามีเรามาหาอะไรกินแก้หวัดกันดีกว่าครับ :-)




1. ไม่น่าเชื่อว่าอาหารยอดนิยมที่ทุกชาติใช้ต้านหวัดคือ "ซุปไก่" ซึ่งว่ากันว่าใช้กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 นั่นเลย ตามรายงานวิจัยพบว่าซุปไก่มีฤทธิ์ยับยั้งการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวชนิดที่เรียกว่า นิวโทรฟิลด์ ไปยังเนื้อเยื่อปอด ทำให้ลดกระบวนการอักเสบในปอด และลดอาการไอได้ โดยตำรับซุปไก่ที่ใช้ศึกษาประกอบด้วย ไก่ มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง ก้านขึ้นฉ่าย ผักชี แครอท หัวผักกาด เกลือ และพริกไทย นอกจากนั้นซุปไก่ที่รวมถึง ต้มยำไก่ แกงไก่ ยังมีสมุนไพรที่ช่วยต้านหวัดรวมอยู่อีกหลายชนิด
2. ผู้ป่วยควรดื่มน้ำมาก ๆ เวลาที่เป็นหวัด แต่ไม่ควรดื่มน้ำเย็นซึ่งจะทำให้เจ็บคอและไอมากขึ้น ควรจิบน้ำอุ่นหรือน้ำสมุนไพรอุ่น ๆ ตลอดเวลา เช่น น้ำตะไคร้ น้ำมะตูม น้ำใบเตย น้ำเก๊กฮวย จะช่วยให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการไอ และละลายเสมหะ การจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ ร่วมกับการรักษาความสะอาดภายในช่องปาก จะช่วยให้อาการเจ็บคอทุเลาและฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย
3. กระเทียม นั้นเป็นยาดีช่วยลดอาการหวัดได้ เมื่อมีอาการหวัด ให้นำกระเทียม 1 กลีบเล็กมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วใช้ช้อนบี้ให้แตก เติมน้ำร้อนลงไป 1 ถ้วย ปิดฝาทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นเติมน้ำผึ้ง และมะนาวเล็กน้อย ดื่มวันละ 2 ถ้วย จะช่วยบรรเทาอาการได้ เมื่อหายแล้วให้ดื่มต่ออีกสัก 3 วัน วันละ 1 ถ้วย หรือถ้าติดใจจะดื่มเป็นประจำก็ได้ เพราะกระเทียมจะช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัดได้อย่างดี นักวิจัยชาวจีน ดร.เบนจามิน เลา แห่งมหาวิทยาลัยโลมาลินดาในแคลิฟอร์เนีย ได้ศึกษายารักษาโรคตามแบบแพทย์ตะวันออกมานาน ได้ทำการศึกษาแล้วพบว่า “กระเทียม” มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ซึ่งออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสหวัดได้โดยตรง และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้
4. ขิงช่วยขับเหงื่อ มีฤทธิ์ แก้หวัด เย็น (หวัดเย็น คือรู้สึกหนาว มีไข้ต่ำ ไม่ค่อยมีเหงื่อออก มีเสมหะมักเหลวใส) และยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด และข้ออักเสบได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจอีกด้วย ช่วงฝนพรำ สภาพอากาศเปลี่ยนและชื้น ๆ แบบนี้ เมื่อเริ่มจะรู้สึกเซื่อง ๆ เฉื่อยชา หนาว ๆ มีน้ำมูกใสไหลจี๊ด ๆ หรือเริ่มมีเสมหะ ก็อย่าได้ชะล่าใจ ขอให้รีบต้มน้ำขิงดื่มเลย
5. อาหารที่ช่วยให้จมูกโล่ง หายคัดจมูก ก็คืออาหารรสเผ็ดร้อนที่มีพริกเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า พริกแห้ง รวมไปถึงพริกไทย และสมุนไพรรสเผ็ดร้อนอื่น ๆ เราสามารถกินเผ็ดอย่างเอร็ดอร่อยและหลากหลายในอาหารหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น พริกขี้หนูในต้มยำ พริกชี้ฟ้าในผัดเผ็ด พริกไทยในแกงเลียง พริกแห้งในลาบ หรืออาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรรสเผ็ดร้อนต่าง ๆ เช่น ขิง กะเพรา โหระพา เป็นต้น
6. มีการศึกษาพบว่า โยเกิร์ตช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยเพิ่มการสร้างสารแอนติบอดีบางชนิดได้ การศึกษากับอาสาสมัครทั้งคนหนุ่มและคนสูงอายุ พบว่าการรับประทานโยเกิร์ตทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ช่วยลดอาการจากหวัดและภูมิแพ้ ผู้ป่วยหายเร็วขึ้น และร้อยละ 25 เป็นหวัดน้อยลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน แนะนำให้เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติชนิดไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย และมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ จะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
7. ผลไม้ตระกูลส้มนั้นจะมีวิตามินซีสูง โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรืออยู่ในแวดวงคนสูบบุหรี่ บุหรี่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นหวัดและทำให้ร่างกายต้องการวิตามินซีสูงขึ้น วิตามินซีป้องกันหวัดได้ ถ้ารู้ตัวว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ติดหวัด เป็นหวัดง่าย ก็ต้องกินผักและผลไม้ให้วิตามินซีมากๆ เช่น ส้ม มะละกอสุก มะม่วง ฝรั่ง สับปะรด ส้มโอ ชมพู่ พุทรา มะขาม แตงโม ฯลฯ
8. น้ำผักผลไม้ เพราะผักผลไม้ในกลุ่มที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบตาแคโรทีน (วิตามินเอ) วิตามินซี วิตามินอี จะช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อ ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น แครอท ผักใบเขียวจัด ส้ม ฝรั่ง องุ่น แคนตาลูป มะละกอสุก เป็นต้น สามารถเลือกตามที่ชอบและนำมาปั่นทานกันได้เลย เน้นว่าควรเป็นผักและผลไม้สด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระกันแบบเต็ม ๆ หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาปั่น ก็ทานผลไม้สด ๆ ก็ได้
9. ชาร้อนทุกชนิดล้วนมีสารโพลิฟีนนอล สารแอนติออกซีเดนต์ในพืชที่ช่วยลดอาการติดเชื้อ ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกชุ่มชื้น หายใจสะดวก ควรชงชาในน้ำร้อนตั้งทิ้งไว้ราว 1 นาที จะดึงคุณสมบัติ แก้หวัด ชาได้ดีที่สุด
ใครเป็นหวัดอยู่ก็อย่าลืมหามาทานกันนะครับ พร้อมทั้งงอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ด้วยนะครับ  แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรรีบไปหาหมอเพื่อรับการรักษาน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ :-)
แหล่งอ้างอิง
  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 
  • วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
  • www.momypedia.com
  • https://pixabay.com


ฝากติดตามแนะนำติชมได้ที่




วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

กินกันลืม : Eat to prevent Alzheimer

ใครขี้ลืมยกมือขึ้น !! ผมเชื่อว่าทุกคนต่างก็เคยลืมนั่น ลืมนี่ด้วยกันทั้งนั้น บางคนชอบลืมว่าเก็บของบางสิ่งไว้ที่ไหน บางคนลืมนัด บางคนลืมชื่อเพื่อน ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาแหละครับ ที่บางครั้งเราอาจลืมได้ แต่ถ้าลืมกันบ่อย ๆ ก็ไม่ดีนะครับ อันนี้อาจปัญหาอันเกิดจากสมองของเราได้ ซึ่งควรป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ นะครับ


ส่วนหนึ่งของอาการหลงลืมอาจจะมาจากการเครียดจากการเรียน หรือการทำงาน ขาดวิตามิน พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อม (ตามวัย) ประสิทธิภาพในด้านความจำจะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุย่างเข้า 25 เพราะเซลล์ความจำเริ่มเสื่อมลงเรื่อย ๆ ปีละ 1% และยิ่งเสื่อมเร็วมากขึ้น เมื่ออายุเข้า 50 รู้แล้วก็อย่าตื่นตระหนก เพราะมีวิธีมากมายที่จะช่วยให้คุณมีความจำที่ดี แต่เนื่องจากเรื่องกินเรื่องใหญ่สำหรับผม เลยมีอาหารที่ช่วยบำรุงสมองมาแนะนำกันครับ 


* ปลาแซลม่อน/Salmon เมื่อรับประทานเป็นประจำ กรด DHA จะช่วยพัฒนาสมอง สายตา ความจำและการเรียนรู้ 
* ดอกกะหล่ำ/ Cauliflower กะหล่ำดอกเป็นผักที่อุดมไปด้วยโคลีน ซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาและบำรุงสมองของทารกในครรภ์ ช่วยบำรุงสมองในส่วนของการจดจำ
* ถั่วลิสง / Peanut ช่วยบำรุงสมองและประสาทตา ช่วยเสริมสร้างความจำ และยังมีโคลีนที่ช่วยควบคุมความจำ
* ถั่วงอก / ฺBean sprouts ช่วยบำรุงประสาทและสมอง และช่วยในการทำงานของสมอง (เลซิทิน Lecithin) วิตามินซีจากถั่วงอกเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างมากในการสร้างฮอร์โมนระงับความเครียดต่าง ๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนวัยทำงาน
* เบอร์รี่ / Berries นอกจากสารต้านอนุมูลอิสระในเบอร์รี่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณแล้ว ยังช่วยในเรื่องของระบบประสาทด้วย โดยจะช่วยให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการจำของเราดีขึ้น 
* บรอคโคลี / Broccoli ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยคิง คอลเลจ ลอนดอน ระบุว่ามีเพียงผักผลไม้ 5 ชนิดเท่านั้นที่มีารประกอบที่ทำหน้าที่คล้ายยาที่ใช้รักษาโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งได้แก่ บร็อคโคลี่ ส้ม แอปเปิ้ล หัวไชเท้า และมันฝรั่ง โดยบร็อคโคลี่นั้นเป็นผักที่มีสารดังกล่าวมากที่สุด
* แปะก๊วย/ Ginkgo สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตทำให้มีก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง และอวัยวะต่าง ๆ ตามร่างกาย ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ ช่วยในเรื่องของการเพิ่มสมาธิและช่วยเพิ่มความคจำ ความคิดได้ดี ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ ฯลฯ
* ผักโขม / Spinach ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง ชะลอปัญหาความจำเสื่อม
* น้ำสั้มคั้น / Orange Juice การกินส้มก็ช่วยลดสภาวะความเครียด ทำให้สมองไม่ต้องทำงานหนัก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

*********************************************************************** 
มีแต่ของน่ากินใช่มั้ยหล่ะ แต่ก็อย่า "ลืม" หามากินกันซะหล่ะครับ
ฝากติดตามแนะนำติชมได้ที่
FB  : https://goo.gl/6Tsk9s
IG   : kinkumlangdee
Line : @rtq2580j 
 แหล่งอ้างอิงสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)http://www.thaipost.net/หนังสือวิตามินไบเบิลวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีhttp://www.manager.co.th/http://www.besthealthmag.ca/Health Plus www.doctor.or.th https://pixabay.com 



วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

น้ำพริกอ่องอกไก่ไร้มัน

เมนูมะเขือเทศจัดมาให้อีกหนึ่งเมนูกับ "น้ำพริกอ่อง" ที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นอาหารประจำภาคเหนือของไทยเรา แต่ต้องออกตัวก่อนนะว่าใครที่เห็นน้ำพริกอ่องแล้วคิดถึงแคปหมู วันนี้ไม่มีแคปหมูนะครับ อิอิ เหมาะสำหรับใครที่กำลังต้องการลดน้ำหนัก จิ้มกับผักต้มก็อร่อยแล้วเนอะ (สุ้สู้) ว่าแล้วเรามาดูส่วนประกอบกันดีกว่า
* อกไก่ลอกหนัง
* มะเขือเทศลูกเล็ก
* พริกแห้ง
* หอมแดง
* กระเทียม
* เกลือ
* ผักต้มตามชอบ
********************************
วิธีทำ
1. โขลกพริก หอมแดง กระเทียม และเกลือ รวมกันให้ละเอียด
2. ผัดเครื่องแกงกับเนื้อไก่ จนมีกลิ่นหอม เติมน้ำต้มสุกเล็กน้อย
4. พอไก่เริ่มสุกใส่มะเขือเทศ ลงผัดให้เข้ากัน ตั้งไฟต่อจนมะเขือเทศสุก ปิดไฟ

********************************
ตักใส่ถ้วยทานกับผักต้ม แค่นี้ก็อิ่มอร่อยแถมมีสุขภาพดี ต้องบอกว่า ลำแต้ ๆ กันเลยทีเดียว
********************************
"กินอร่อยได้สุขภาพดี เพียงแค่เรากินแค่พอดี" กับ -> กิน*กำลังดี
FB  : https://goo.gl/6Tsk9s
IG   : kinkumlangdee
Line : @rtq2580j

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

ไก่ย่างจิ้มแจ่วแบบคลีน


จากที่โพสต์ข้อความเกี่ยวกับประโยชน์ของมะเขือเทศไปคราวก่อนว่ามีประโยชน์เยอะมากกกก วันนี้เลยเข้าครัวทำเมนูที่มีส่วนประกอบของมะเขือเทศมาแนะนำกัน "อกไก่ย่างจิ้มแจ่วแบบคลีนๆ"
หลายคนคงเคยทานจิ้มแจ่วกันมาบ้างแล้วส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของน้ำปลาและน้ำมะขามเปียก ซึ่งหากคิดจะกินคลีนแล้ว "น้ำปลา" ถือเป็นของต้องห้ามอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว ไม่ใส่น้ำปลาแล้วทำยังไง ? แล้วมะเขือเทศมาได้ไง น้ำมะขามเปียกหายไปไหน โปรดติดตาม :-)


ส่วนประกอบ

* มะเขือเทศเชอรี่ หรือมะเขือเทศสีดา
* หอมแดง
* มะนาว
* กระเทียม
* ผักชี
* ข้าวกล้องคั่วบด
* พริกป่น
* เกลือ
* อกไก่ลอกหนัง

วิธีทำ

1. นำไก่ทาเกลือเล็กน้อยวางบนกะทะร้อน ๆ พลิกไปมาจนเหลืองสุก พักไว้
2. คั่วหอมแดง กระเทียม มะเขือเทศสีดา จนสุกเหลืองแล้วตักขึ้น
3. โขลกส่วนผสมในข้อ 2 ให้ละเอียด ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว เกลือ พริกป่น ข้าวกล้องคั่วบด คลุกเคล้าให้เข้ากันตักใส่ถ้วยตกแต่งด้วยผักชีจะได้มีสีแดง สีเขียวน่ากิน
4. หั่นไก่ที่ย่างเตรียมไว้เป็นชิ้นพอคำกินกับจิ้มแจ่วรสแซ่บแบบคลีน และผักต้ม

แค่นี่ก็อิ่มอร่อย+สุขภาพดีไปอีก 1 มื้อ :-)
เมนูหน้าเอามะเขือเทศมาทำไรกินอีกดีน๊าาาา

****************************************

ฝากติดตาม
FB : https://www.facebook.com/kinkumlangdee
IG : kinkumlangdee
Line  : @rtq2580